ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ “กรุงศรี” รายงานผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 24,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากแรงหนุนของการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) และกำไรพิเศษจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน บมจ. ติดล้อ โฮลดิ้งส์ (TIDLOR)
แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความท้าทาย ความต้องการสินเชื่อชะลอตัวตามนโยบายดอกเบี้ยต่ำ แต่กรุงศรียังคงเดินหน้าเชิงกลยุทธ์ผ่านการขยายฐานลูกค้ารายย่อยและ SME ล่าสุดเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน TIDLOR เป็น 46.51% สะท้อนความมุ่งมั่นสร้างโอกาสการเติบโตระยะยาว
ผลดำเนินงานหลักโดดเด่น – เน้นบริหารต้นทุน
สำหรับงบการเงินช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สะท้อนฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ดังนี้:
- กำไรสุทธิ 24,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,188 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปี 2567
- สินเชื่อรวม 1.95 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากสิ้นปี 2567 โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อรายย่อยและธุรกิจขนาดใหญ่
- เงินรับฝาก 1.72 ล้านล้านบาท ลดลง 5.7% สะท้อนการบริหารต้นทุนทางการเงินเชิงรุก
- ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 4.28% ลดลงเล็กน้อยจาก 4.33% ตามแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย
- รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 15.8% หรือ 5,294 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจาก TIDLOR และหนี้สูญรับคืน
NPL อยู่ในระดับควบคุม – เงินกองทุนยังแกร่ง
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 3.49% ขณะที่อัตราส่วนเงินสำรองต่อ NPL อยู่ที่ 123.1% บ่งชี้การบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ พร้อมเงินกองทุนรวมอยู่ที่ 20.23% สูงกว่าข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย
เดินหน้าสู่ยุทธศาสตร์ระยะยาว – เสริมความแข็งแกร่งผ่าน TIDLOR
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกรุงศรีฯ กล่าวว่า “เรายังคงเดินหน้ากลยุทธ์สำคัญ โดยเฉพาะด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการขยายโอกาสทางการเงินให้ลูกค้ารายย่อยและ SME การเพิ่มการถือหุ้นใน TIDLOR สะท้อนจุดยืนระยะยาวของกรุงศรีในการเติบโตควบคู่เศรษฐกิจไทย”
เศรษฐกิจครึ่งหลังยังเปราะบาง – เชื่อมั่นมาตรการรัฐช่วยหนุน GDP
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจ นายเคนอิจิ ประเมินว่า “ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เศรษฐกิจยังเผชิญแรงกดดันจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ ภาคท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ และการบริโภคในประเทศที่อ่อนแรง อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพทางการเมืองที่ดีขึ้นและมาตรการรัฐน่าจะช่วยประคองการขยายตัวในไตรมาส 4 โดยยังคงคาดการณ์ GDP ปี 2568 โตที่ 2.1%”
