‘มาลี กรุ๊ป’ ผู้นำตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมในไทย ประกาศวิสัยทัศน์ “Beyond Fruit to Global Wellbeing” ยกระดับจากผู้ผลิตน้ำผลไม้สู่การเป็น “บริษัทสุขภาวะระดับโลก” วางเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15% ภายในปี 2571 พร้อมเดินหน้ายกระดับแบรนด์ MALEE สู่ “Wellness Lifestyle Brand” ครอบคลุมสุขภาพกาย ใจ และสังคมอย่างยั่งยืน

นายเอกรินทร์ พินิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE เปิดเผยว่า ตลอด 47 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นส่งมอบสุขภาพที่ดีจากพลังของธรรมชาติ ผ่านผลิตภัณฑ์จากพืชและนม จนกลายเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในตลาดน้ำผลไม้พรีเมียม ปัจจุบันมีการส่งออกสินค้ากว่า 30 ประเทศทั่วโลก
ล่าสุด MALEE ประกาศปรับยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ ตั้งเป้าทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ “Global Wellbeing Company” ในปี 2571 โดยยึดแนวทาง “One Malee” หลอมรวมพลังคนในองค์กรเป็นหนึ่งเดียว ขับเคลื่อนพันธกิจเพื่อสุขภาวะที่ดีขึ้นทั้งสุขภาพและความสุขของผู้คนทั่วโลก (Healthier & Happier)
ภายใต้แผนโรดแมปใหม่ บริษัทฯ เตรียมปรับพอร์ตโฟลิโอสินค้าในปี 2568 มุ่งพัฒนาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มน้ำผลไม้ น้ำผัก น้ำมะพร้าว ผลิตภัณฑ์จากนม และผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอื่น ๆ ผ่านหน่วยงานวิจัย “Malee Applied Science (MAS)” ซึ่งผสานเทคโนโลยีขั้นสูงทั้ง Food Tech, Bio Tech และ Nano Tech
นอกจากนี้ MALEE ยังวางแผนรุกตลาดรับจ้างผลิต (CMG) อย่างจริงจัง ขยายไลน์สินค้าไปสู่กลุ่ม Plant-based, Dairy-based, ชา และกาแฟ พร้อมยกระดับศักยภาพเพื่อเป็น “พันธมิตรที่ลูกค้าเลือกเป็นอันดับแรก” (Partner of Choice) เสริมความแข็งแกร่งให้กับฐานลูกค้าเดิม และเปิดตลาดใหม่ในระดับโลก
นายเรืองรัตน์ ว่องสุวรรณเลิศ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานการตลาด กล่าวเสริมว่า จาก Insight ผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพแบบองค์รวมมากขึ้น MALEE จึงพัฒนานวัตกรรมใหม่ เช่น “Malee Power Plants” ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี INNOGUTZ เสริมสุขภาพลำไส้ พร้อมปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ และขยายช่องทางจำหน่ายสู่กลุ่ม Food Service และตลาดออนไลน์
กลยุทธ์ระยะยาวยังเน้นขยายแบรนด์ MALEE สู่ระดับภูมิภาค โดยใช้จุดแข็งด้านนวัตกรรมเพื่อเจาะตลาดศักยภาพ เช่น จีน ตะวันออกกลาง อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 55% ของรายได้รวมในปี 2571

MALEE ยังดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบ ESG อย่างจริงจัง ทั้งด้านการลดใช้ทรัพยากร การสร้างผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ปลอดภัย ตลอดจนการจัดการของเสียจากการผลิตด้วยเทคโนโลยี Upcycle เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสร้างสมดุลแห่งชีวิตที่ดีแก่ผู้บริโภคอย่างแท้จริง
								
                                    
                            
                                